ป้ายกำกับ: ลิเวอร์พูล

อลิสซอนหวัง “หงส์” ไม่ต้องพึ่งปาฏิหารย์จากตน

อลิสซอนหวัง “หงส์” ไม่ต้องพึ่งปาฏิหารย์จากตน

อลิสซอน เบ็คเกอร์ ผู้รักษาประตูของทีมลิเวอร์พูล หวังว่าทีมของเขาไม่จำเป็นต้องพึ่งประตูปาฏิหารย์จากเขาอีกครั้ง อย่างที่เคยทำได้ในเกมการพบกับทีมเวสต์บรอม

เมื่อสองปีที่ผ่านมา ทีม “หงส์แดง” ช่วยทำประตูชัยพาทีมเอาชนะ เวสต์บรอม ในวินาทีสุดท้าย ก่อนที่จะเป็นประตูที่ช่วยให้พวกเขาไปเล่นฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในฤดูกาลถัดมา “มันโผล่ขึ้นมาบนไทม์ไลน์ของผมตลอดเวลา เมื่อไหร่ก็ตามที่ผมเล่นทวิตเตอร์เพื่ออ่านข่าว” อลิสซอน เบ็คเกอร์ กล่าว

“ผมย้อนกลับมาดูมันอีกครั้งแล้วในฤดูกาลนี้ มันทำให้ผมรู้สึกดีทีเดียวและทำให้ผมคิดว่าประตูนั้นมันบ้าคลั่งมากขนาดไหน มันเป็นประตูที่สำคัญเลยนะ แต่ว่าคลีนชีทมันก็ยังคงเป็นอะไรที่สำคัญกว่า ผมมีความสุขที่สามารถเก็บคลีนชีทได้ครบ 100 ครั้งกับสโมสร”

เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ อยากได้โอกาสลงสนามให้ อาร์เซนอล ในเกมกับ ลิเวอร์พูล

เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ อยากได้โอกาสลงสนามให้ อาร์เซนอล ในเกมกับ ลิเวอร์พูล

แม้จะมีเกมที่หนักหน่วงที่ต้องลงสนามอย่างต่อเนื่อง แต่ฟอร์มการเล่นของ อาร์เซนอล ก็ยังคงร้อนแรงไม่แผ่วหลังจากที่ออกสตาร์ทฤดูกาลได้อย่างยอดเยี่ยม  และล่าสุดพวกเขาก็สามารถเก็บชัยชนะเหนือ โบโด กลิมท์ ไปด้วยสกอร์ 3-0 ไปได้อีกครั้ง ในการแข่งขัน ยูโรป้าลีก และผู้เล่นที่ทำผลงานได้อย่างโดดเด่นในเกมนี้ก็ต้องยกให้กับทางด้านของ เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ ที่สามารถยิงประตูแรกให้กับ อาร์เซนอล ได้หลังจากที่ได้รับโอกาสได้ลงเล่น

และจากฟอร์มการเล่นที่โดดเด่นในเกมนี้ทำให้ เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ มีความพร้อมอย่างมากสำหรับเกมในวันอาทิตย์ที่จะต้องเผชิญหน้ากับคู่แข่งอย่าง ลิเวอร์พูล ที่เพิ่งจะเอาชนะ เรนเจอร์ส มาได้ในการแข่งขัน แชมเปี้ยนส์ลีก เมื่อไม่กี่วันมานี้ ซึ่งชัยชนะในนัดนี้ก็ทำให้ทางด้านของ ลิเวอร์พูล เองก็มีความมั่นใจก่อนเกมนี้เช่นกัน

อย่างไรก็ตามในเกม พรีเมียร์ลีก ที่นัดต่อไปทางด้านของ เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ อาจจะต้องลงไปนั่งที่ม้านั่งสำรองอีกครั้ง และน่าจะเป็นทางด้านของผู้เล่นที่ทำผลงานมาได้ดีตลอดอย่าง กาเบรียล เฆซุส ที่น่าจะได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงในเกมนั้น และเขาน่าจะเป็นผู้เล่นที่ มิเคล อาร์เต้ตา ไว้วางใจมากกว่า

เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ ได้เคยออกมาแสดงความไม่พอใจในช่วงก่อนหน้านี้หลังจากที่เขายังไม่ได้รับโอกาสลงเล่นเป็นตัวจริงให้กับ อาร์เซนอล เลยในเกมนัดก่อนหน้านี้ แต่แน่นอนว่าหลังจากที่เขาสามารถทำประตูได้ในเกมล่าสุด เขาก็ต้องคาดหวังว่าเขาจะได้รับโอกาสในการลงเล่น แต่ก็ต้องมาดูกันว่าสุดท้ายแล้ว มิเคล อาร์เตต้า จะตัดสินใจอย่างไรต่อไป

สเตฟเฟ่น รับ นอนไม่หลับหลังพลาดในรอบตัดเชือกเอฟเอ คัพ

สเตฟเฟ่น รับ นอนไม่หลับหลังพลาดในรอบตัดเชือกเอฟเอ คัพ

แซ็ค สเตฟเฟ่น นายทวารมือสองทีมชาติสหรัฐอเมริกา ออกมายอมรับผ่านโซเชียลมีเดียว่าเขาถึงกับนอนไม่หลับหลังมีความผิดพลาดในเกมที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ นั้นแพ้ให้กับ ลิเวอร์พูล ด้วยสกอร์ 3-2 ในเกมรอบรองชนะเลิศฟุตบอลเอฟเอ คัพ

จอมหนึบทีมชาติสหรัฐอเมริกา นั้นพลาดจนเสียประตูที่ 2 หลังพยายามเล่นกับฟุตบอลหน้าประตู ก่อนที่จะโดน ซาดิโอ มาเน่ แย่งเข้าไปยิงประตูในนาทีที่ 17 “การทดลองและความผิดพลาด ความล้มเหลวและความสำเร็จ นี่แหละคือชีวิต” แซ็ค สเตฟเฟ่น กล่าวบนทวิตเตอร์ส่วนตัว หลังเกมเมื่อวันเสาร์

“เกมเมื่อวันนี้มันยากเกินกว่าจะข่มตาหลับขับตานอน สิ่งที่พวกเราสามารถทำได้คือการให้กำลังใจและเติบโตไปกับมันให้ได้ ขอบคุณแฟนบอลที่เดินทางตามออกมาเชียร์พวกเราในเกมนี้ พวกเราจะทำงานหนักและทำให้พวกคุณภูมิใจอีกครั้ง พวกเราจะเดินหน้ากันต่อไปหลังจากนี้”

ซูเนสส์ จวก ซาลาห์ เห็นแก่ตัวที่สุดเท่าที่เคยเห็น

ซูเนสส์ จวก ซาลาห์ เห็นแก่ตัวที่สุดเท่าที่เคยเห็น

แกรม ซูเนสส์ ตำนานของทีมลิเวอร์พูล ออกมาโจมตีดาวยิงคนสำคัญอย่าง โมฮัมเหม็ด ซาลาห์ เรื่องของความเห็นแก่ตัว ในขณะเดียวกันก็กล่าวว่ากองหน้าทีมชาติอียิปต์รายนี้เป็นนักเตะที่เห็นแก่ตัวมากที่สุดเท่าที่เคยเห็น

ซาลาห์ นั้นเป็นหนึ่งในกองหน้าที่ดีที่สุดของยุโรป นับตั้งแต่ย้ายมาร่วมทีมลิเวอร์พูลเมื่อ ปี 2017 ด้วยผลงาน 137 ประตู ภายใต้การลงสราม 214 เกม “ผมเห็นด้วยที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ บอกว่า โมฮัมเหม็ด ซาลาห์ เป็นนักเตะที่ดีที่สุดในโลกในฤดูกาลนี้” แกรม ซูเนสส์ กล่าวกับTheTimes

“เขาอาจจะเป็นนักเตะที่เห็นแก่ตัวมากที่สุดเท่าที่เคยเห็นนักเตะที่ดีที่สุดในโลกอาจจะมีสิ่งนั้น แต่ว่าเขาเห็นแก่ตัวแบบสุดๆไปเลย เป้าหมายส่วนตัวเป็นเรื่องที่สำคัญสำหรับเขาและเขายิงทุกมุมที่เขามีโอกาสซึ่งทำให้เพื่อนร่วมทีมไม่พอใจบางครั้ง โดยเฉพาะ มาเน่ หลายคนยอมรับก็เพราะว่าเขาเก่งจริงๆและทำประตูได้อย่างต่อเนื่อง”

มินามิโนะ รับ ยังไม่รู้อนาคตกับ ลิเวอร์พูล

มินามิโนะ รับ ยังไม่รู้อนาคตกับ ลิเวอร์พูล

นักเตะทีมชาติญี่ปุ่นรายนี้ ย้ายไปเล่นให้กับ เซาแธมตัน แบบยืมตัวในช่วงครึ่งฤดูกาลหลังของฤดูกาล ดังนั้นเขาเลยยังไม่รู้อนาคตกับทีม

ทาคุมิ มินามิโนะ นั้นกำลังเจอกับสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนกับ ลิเวอร์พูล ซึ่งเจ้าตัวก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเขานั้นจะยังคงมีความหมายกับทีม

นักเตะวัย 26 ปี รายนี้ ลงเล่นให้กับ เซาแธมตัน ไปทั้งหมด 10 นัดด้วยกัน โดยทำไปได้ทั้งหมด 2 ประตู ในช่วงครึ่งหลังของฤดูกาล “ผมเองก็ยังไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นบ้างในอนาคต” มินามิโนะ กล่าว

“แต่ในปัจจุบัน สำหรับช่วงของพรีซีซั่น ผมอยากจะกลับไปอยู่กับ ลิเวอร์พูล และทำผลงานให้ดีที่สุดที่นั้นเช่นกัน ผมหวังว่าผมจะมีความหมายกับพวกเขาเหมือนเดิม ผมอยากจะพิสูจน์ตัวเองที่นั้นอีกครั้ง แม้ว่าสุดท้ายแล้ว ผมก็ยังไม่รู้ว่ามันจะเกิดขึ้นหรือไม่” โดยนักเตะรายนี้ ลงเล่นให้กับ หงส์แดง ทั้งหมด 31 นัด และทำไปได้ 4 ประตูด้วยกัน

ไวล์นัลดุม เผยเหตุผลเลือก ปารีส เหนือ บาซ่า

ไวล์นัลดุม เผยเหตุผลเลือก ปารีส เหนือ บาซ่า

นักเตะชาวเนเธอร์แลนด์รายนี้ ออกมาเปิดเผยว่า เมาริซิโอ ปอเซ็ตติโน่ นั้นเป็นเหตุผลสำคัญ ที่ทำให้เขาเลือกที่จะย้ายมาเล่นในฝรั่งเศส

จีนี่ ไวล์นัลดุม นั้นออกมาเปิดเผยถึงสาเหตุที่ทำให้เขาเลือกย้ายมาเล่นให้กับ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง แม้ว่าก่อนหน้านี้ เขาตกเป็นข่าวย้ายทีมกับ บาร์เซโลน่า อย่างต่อเนื่อง

ปารีส แซงต์ แชร์กแมง นั้นพึ่งประกาศอย่างเป็นทางการ ว่าได้ตัว ไวล์นัลดุม มาร่วมทีมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากย้ายจาก ลิเวอร์พูล มาแบบไม่มีค่าตัว “ผมมีความสุขมากๆที่ได้ย้ายมาเล่นให้กับทีมอย่าง ปารีส แซงต์ แชร์กแมง” ไวล์นัลดุม กล่าว

“ที่นี่เป็นสโมสรที่เต็มไปด้วยนักเตะดีๆมากมาย แถมยังมีผู้จัดการทีมชั้นยอดด้วย ซึ่งเขาเป็นคนที่พูดคุยกับผม จนทำให้ผมเลือกที่จะย้ายมาที่นี่ เพราะเราสองคนรู้จักกันมาสักระยะแล้ว ในฐานะนักฟุตบอล คุณอยากจะเล่นกับนักเตะชั้นยอดอยู่แล้ว ซึ่งทีมนี้และ ตอบโจทย์ผมอย่างมากเช่นกัน”

ซาลาห์ มั่นใจ ลิเวอร์พูล จะต้องดีขึ้นกว่าเดิม

ซาลาห์ มั่นใจ ลิเวอร์พูล จะต้องดีขึ้นกว่าเดิม

ลูกทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ นั้นไม่ประสบความสำเร็จในพรีเมียร์ ลีก ฤดูกาลนี้แล้ว แต่ก็ยังคงมีลุ้นแชมป์ใหญ่ อย่าง ยูฟ่า แชมป์เปี่ยน ลีก เหมือนเดิม

โมฮาเม็ด ซาลาห์ นั้นมั่นใจว่า ลิเวอร์พูล จะดีขึ้นได้อย่างแน่นอน หลังจากที่ผลงานของลูกทีม เจอร์เก้น คล็อปป์ จะไม่ค่อยดีนักในฤดูกาลนี้

ลิเวอร์พูล นั้นเป็นหนึ่งในเต็งแชมป์พรีเมียร์ ลีก ฤดูกาลน้ แต่สุดท้าย กลายเป็นผิดคาด เพราะต้องเสียตัวหลักไปหลายราย ทำให้ผลงานไม่ดี และน่าจะลุ้นได้แค่ท็อป 4 เท่านั้นในฤดูกาลนี้ “มันเป็นความรู้สึกที่ดีนะ ที่ผมได้กลับมาคว้าชัยชนะอีกครั้ง” ซาลาห์ กล่าว

“มันเป็นความรู้สึกที่ดีและผมเองก็มีความสุขมากๆสำหรับผลงานนัดล่าสุดของผม และผมหวังว่าเราจะคว้าชัยชนะได้แบบนี้ต่อไป ฤดูกาลนี้มันยากสำหรับเราทุกคน แต่ผมเชื่อว่าเราจะดีขึ้นเรื่อยๆอย่างแน่นอน และเราก็ยังมีผลงานในยูฟ่า แชมป์เปี่ยน ลีก ที่ดีเช่นกัน ผมไม่อยากจะพูดถึงผลงานส่วนตัวของผมมากนัก เพราะว่าเราเล่นกันเป็นทีม ผมรู้แค่ฤดูกาลนี้มันยากมากๆ ดังนั้นเราต้องกลับมาชนะให้ได้อีกครั้ง”

ภารกิจที่เป็นไปไม่ได้สำหรับ คล็อปป์ ในการฝ่าฟันไปกับ ลิเวอร์พูล

ภารกิจที่เป็นไปไม่ได้สำหรับ คล็อปป์ ในการฝ่าฟันไปกับ ลิเวอร์พูล

ลิเวอร์พูล ต้องเจอกับโชคร้ายอีกครั้ง กับสถานการณ์ของทีมในปัจจุบัน หลังจากทำลายอาถรรพ์ คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก หรือลีกสูงสุดได้เป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปี แถมยังเป็นปีที่มีการระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ความยิ่งใหญ่ในการฉลองแชมป์ถูกลดลงไป กับปีที่วุ่นวายของโลกใบนี้ แม้ เจอร์เก้น คล็อปป์ จะต้องเจอกับมรสุมมากมาย แต่ดูเหมือนว่า ฤดูกาล 2020-21 จะกลายเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ไปด้วยเหมือนกัน เมื่อต้องเจอกับอาการบาดเจ็บของนักเตะหลายรายและยังพบเจอมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง จอห์น อัลดริดจ์ อดีตกองหน้าระดับตำนานของทีมถึงกับยอมรับว่ามันเป็นเหมือนกับภารกิจที่เป็นไปไม่ได้เลยทีเดียว

เวอร์จิล ฟาน ไดค์, โจ โกเมซ, ฟาบินโญ่ และเทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ ล้วนเป็นนักเตะในแนวรับที่มีอาการบาดเจ็บทั้งหมดอยู่ในเวลานี้ ส่วนจอร์แดน เฮนเดอร์สัน และแอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ก็เพิ่งจะได้รับบาดเจ็บจากทีมชาติอังกฤษ และสกอตแลนด์ ตามลำดับ ทำให้ทีมต้องลุ้นเช็คความพร้อมอย่างหนัก ก่อนที่ทีมจะได้เปิดแอนฟิลด์ รับการมาเยือนของ เลสเตอร์ ซิตี้ จ่าฝูงของตารางคะแนนพรีเมียร์ลีกในปัจจุบัน

ลิเวอร์พูลเป็นข่าวเชื่อมโยงกับกองหลังหลายรายในยุโรปเวลานี้ ทั้ง ดายอด อูปาเมกาโน่ ของแอร์เบ ไลป์ซิก และคาลิดู คูลิบาลี่ ของนาโปลี แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับการคว้าตัวนักเตะไปร่วมทีม เมื่อทีมต้องใช้เงินไม่น้อยกว่า 50 ล้านปอนด์ กับช่วงเวลาที่ไวรัสยังมีการระบาดและหลายสโมสรยังไม่มีรายรับที่ได้จากเกมการแข่งขัน เมื่อแฟนบอลยังไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าชมในสนาม

อัลดริดจ์ กล่าวว่า “เมื่อเจอร์เก้น คล็อปป์กล้าที่จะบอกว่าเขาสามารถนำทีมไปสู่ความสำเร็จได้ โดยไม่มีเวอร์จิล ฟาน ไดค์ มันทำให้เหมือนกับว่ามันเป็นภารกิจที่เป็นไปไม่ได้ อาการบาดเจ็บของโจ โกเมซ ทำให้ลิเวอร์พูลต้องวุ่นวายมากกว่าเดิม ตอนแรกมันเหมือนกับว่าพวกเขาต้องดิ้นรนในการคว้าชัยชนะ เมื่อไม่มีฟาน ไดค์ แต่ตอนนี้พวกเขากลับมีปัญหาในเรื่องของเกมรับซะแล้ว”

“น่าเสียดายที่สถานการณ์ของโกเมซไม่สามารถแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว โดยโจเอล มาติปก็เป็นสิ่งที่น่ากังวลกับความฟิต เขาเป็นคนเดียวที่ลงสนามได้ ฟาบินโญ่เล่นกองหลังได้และเขาก็ทำได้ดี จอร์แดน เฮนเดอร์สันก็เล่นได้ พวกเขายังมีแนต ฟิลลิปป์ส และรีส วิลเลี่ยมส์ กองหลังดาวรุ่งที่แสดงศักยภาพออกมาให้เห็นแล้ว ลิเวอร์พูลยังต้องการกองหลังตอนนี้ นักเตะต้องพร้อมลงสนามเลย เมื่อตลาดเปิดในเดือนมกราคม เขาต้องฟิต มีสภาพร่างกายที่ดีและมันอาจจะเป็นสถิติใหม่ก็ได้ กับค่าตัวของนักเตะ เพราะเขาจะต้องเป็นนักเตะที่มีประสบการณ์ในระดับสูงด้วย”

ไม่ใช่แค่ ลิเวอร์พูล ที่แพ้ทันที หลังจากคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้

ไม่ใช่แค่ ลิเวอร์พูล ที่แพ้ทันที หลังจากคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้

กับความพ่ายแพ้ของ ลิเวอร์พูล แชมป์พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2019-20 ต่อ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ว่าที่รองแชมป์ด้วยสกอร์ถล่มทลาย 4-0 ที่สนามเอติฮัด สเตเดี้ยม ไม่ใช่สิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้น ทั้งที่ทีมทำผลงานก่อนหน้านี้ออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม โดยบทความนี้จะยกตัวอย่าง 5 เกม ของความพ่ายแพ้ของทีมแชมป์

  1. ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ส 3-1 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด วันที่ 19 พฤษภาคม 2001

แมนฯ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ 3 สมัยติดต่อกัน ก่อนที่จะต้องลงเล่นเกมสุดท้ายของฤดูกาล โดยเป็นวิลเลม คอร์สเตน ทำคนเดียว 2 ประตู และเลส เฟอร์ดินานด์ อีก 1 ประตู ช่วยให้ทีมจากกรุงลอนดอนเก็บ 3 คะแนนไปได้ แต่ผลการแข่งขันในเกมนั้นไม่ได้เป็นที่สนใจมากนัก เมื่อเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กุนซือของทีมตกเป็นข่าวจะวางมือในการคุมทีม และเกิดข่าวลือไปต่างๆ มากมาย แม้ว่าสุดท้ายจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร

11 ตัวจริงในเกมนี้ของแมนฯ ยูไนเต็ด : ฟาน เดอร์ ฮาว, ซิลแวสต์ส, ยอห์นเซ่น, เมย์, เออร์วิน, เนวิลล์, บัตต์, กิ๊กส์, สโคลส์, โคล, เชอรืริงแฮม

  1. เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน 3-0 เชลซี วันที่ 18 พฤษภาคม 2015

โชเซ่ มูรินโญ่พาเชลซีคว้าแชมป์ในการกลับมาคุมทีมครั้งที่สอง หลังเก็บไปได้ 87 คะแนน ทั้งที่ก่อนหน้านั้นทีมแพ้เพียง 2 เกมเท่านั้นในพรีเมียร์ลีก โดยยังมีเอแด็น อาซาร์, เชส ฟาเบรกาส และดีเอโก้ คอสต้า ที่ทำผลงานออกมาได้อย่างโดดเด่น

11 ตัวจริงในเกมนี้ของเชลซี : กูร์กตัวส์, ฟิลิเป้ หลุยส์, เคฮิลล์, เทอร์รี่, อิวาโนวิช, ฟาเบรกาส, อาซาร์, ลอฟตัส-ชีค, มาติช, คอสต้า, เรมี่

  1. มิดเดิ้ลสโบรห์ 4-1 ลีดส์ ยูไนเต็ด วันที่ 22 สิงหาคม 1992

ลีดส์ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์ลีกสูงสุดของเกาะอังกฤษได้ในฤดูกาล 1991-92 ก่อนที่จะเปลี่ยนไปเป็นพรีเมียร์ลีก แต่การลงเล่นเกมที่สามของฤดูกาล เมื่อบุกไปแพ้มิดเดิ้ลสโบรห์ ทีมที่เพิ่งจะเลื่อนชั้นมา และก็เป็นจุดเริ่มต้นถึงผลงานที่ย่ำแย่ของทีม ก่อนที่จะจบในอันดับที่ 17 ของตารางคะแนน ในขณะที่มิดเดิ้ลสโบรห์ จบอันดับที่ 21 และตกชั้น

11 ตัวจริงในเกมนี้ของลีดส์ ยูไนเต็ด : ลูคิช, แฟร์คลัฟ, นิวซัม, ไวท์, โดริโก้, แม็คอัลลิสเตอร์, แบ็ตตี้, คันโตน่า, สปีด, ชาปแมน, วัลเลซ

  1. ลิเวอร์พูล 4-0 อาร์เซน่อล วันที่ 6 พฤษภาคม 1998

อาร์เซน่อลของอาร์แซน เวนเกอร์ คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาลดังกล่าว โดยเหลือเกมการแข่งขันอีก 2 เกม ก่อนที่จะเลือกพักนักเตะตัวหลักในเกมที่พบกับลิเวอร์พูล ซึ่งทีมมีคิวเจอกับนิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ในเอฟเอ คัพ รอบชิงชนะเลิศ ก่อนที่จะคว้าดับเบิ้ลแชมป์ในปีดังกล่าวไปได้สำเร็จ

11 ตัวจริงในเกมนี้ของอาร์เซน่อล : แมนนิงเกอร์, ดิ๊กสัน, โบลด์, อัพสัน, กริมานดี้, ฮิวส์, พาร์เลอร์, แพล็ตต์, บัว มอร์ต, ไรท์

  1. แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 4-0 ลิเวอร์พูล วันที่ 2 กรกฎาคม 2020

กับเกมสดๆ ร้อนๆ เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เมื่อทีมของเจอร์เก้น คล็อปป์ คว้าแชมป์ได้ก่อนจบฤดูกาล และเหลือถึง 7 เกม แม้ลิเวอร์พูลจะมีโอกาสทำประตูมากมาย แต่นักเตะหลายคนในทีมก็ดูขาดๆ เกินๆ ไปหลายคน กับจังหวะต่างๆ น่าจะทำได้ดีกว่านี้ ก่อนที่จะเป็นเควิน เดอ บรอยน์, ฟิล โฟเด้น และราฮีม สเตอร์ลิ่ง ที่ทำประตูให้กับทีม และเป็นอเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ทำเข้าประตูตัวเองปิดท้าย

11 ตัวจริงในเกมนี้ของลิเวอร์พูล : อลีสซอน, โกเมซ, ฟาน ไดค์, โรเบิร์ตสัน, อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, เฮนเดอร์สัน, ฟาบินโญ่, ไวจ์นัลดุม, มาเน่, ซาล่าห์, ฟีร์มิโน่

มิลานคือทีมที่ดีกว่าหงส์ตลอด 114 นาทีในเกมที่อิสตันบูล

มิลานคือทีมที่ดีกว่าหงส์ตลอด 114 นาทีในเกมที่อิสตันบูล

เจมี่ คาร์ราเกอร์ ตำนานกองหลังของ ลิเวอร์พูล ออกมากล่าวถึงเกมปาฏิหาริย์ในฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก นัดชิงชนะเลิศ ที่อิสตันบูล ประเทศตุรกี ในปี 2005 หลังจากเอาชนะ เอซี มิลาน จากอิตาลี ซึ่งเป็นทีมยุคทองในช่วงเวลาดังกล่าวมาได้

เกมดังกล่าวทีมของราฟาเอล เบนิเตซทำ 3 ประตูได้ภายในเวลา 6 นาทีในช่วงต้นครึ่งหลัง หลังจากมิลานขึ้นนำได้ก่อน 3-0 ในช่วงครึ่งแรก โดยเป็นเปาโล มัลดินี่ ทำประตูแรก และเฮอร์นาน เครสโป ทำ 2 ประตู ก่อนที่สตีเว่น เจอร์ราร์ด, วลาดิเมียร์ ซมิเซอร์ และชาบี้ อลอนโซ่ จะช่วยให้ลิเวอร์พูลคัมแบ็คกลับมาได้ หลังจบด้วยสกอร์ 3-3 ในเวลาปกติ และต้องต่อเวลาพิเศษอีก 30 นาที แต่ก็ไม่มีประตูเกิดขึ้น ก่อนที่จะเป็นทีมจากเกาะอังกฤษที่คว้าแชมป์ไปได้สำเร็จ

เกมนี้กลายเป็นหนึ่งในเกมคัมแบ็คที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ลูกหนังฟุตบอลยุโรป ในขณะที่คาร์ราเกอร์ออกมากล่าวย้อนความหลังถึงเกมดังกล่าว หลังจากครบรอบ 15 ปีพอดิบพอดีในเวลานี้ โดยอมรับว่า มิลานเป็นทีมที่ดีกว่าพวกเขาแทบจะตลอดทั้งเกม ยกเว้น 6 นาทีของลิเวอร์พูลที่ทำประตูได้

คาร์ราเกอร์ กล่าวว่า “พวกเรารู้กันก่อนเกมแล้วว่า มิลานเป็นทีมที่ดีกว่าพวกเรา แต่มันไม่ได้หมายความว่า พวกเราจะคว้าชัยชนะไม่ได้ แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อตอนที่พวกเราโดนนำก่อน 3-0 ในช่วงครึ่งแรก กับทีมที่ทำได้ดีกว่า มันเป็นเรื่องยากมากที่จะพูดว่า ‘ใช่ พวกเรามาออกไปลุยกันเถอะ กับสิ่งที่พวกเราจะทำ พวกเราจะกลับมาได้’ ความคิดนี้มันเป็นอะไรที่ยากมากๆ”

“มิลานมีฟอร์มการเล่นที่น่าเหลือเชื่อ สำหรับ 114 นาที พวกเขาทำได้ดีที่สุดกับฟอร์มการเล่น กับเกมนัดชิงชนะเลิศแชมเปี้ยนส์ลีก นักเตะเกือบครึ่งทีมของพวกเขาก้าวไปเป็นแชมป์ฟุตบอลโลกหลังจากนั้น 1 ปี กับเชฟเชนโก้ก็เป็นกองหน้าที่ดีที่สุดในโลกในเวลานั้น กาก้าก็เป็นนักเตะที่ดีที่สุดในโลกเคียงข้างกับโรนัลดินโญ่ในอีกไม่กี่ปีหลังจากนั้น”

“พวกเขาเป็นทีมที่พิเศษ และมีฟอร์มการเล่นที่ไม่ธรรมดา แต่ยกเว้น 6 นาทีของพวกเรา แต่นั่นแหละคือฟุตบอล มันเป็นกีฬาของพวกเราที่ทำได้ยอดเยี่ยมที่สุด มันอาจจะดูแปลกไปหน่อยเมื่อเรียกมันว่าปาฏิหาริย์ และใช่เลย มันคือปาฏิหาริย์”

“เมื่อตอนที่ผมไปพักร้อน ไม่ว่าผมจะไปที่ไหน ร้านอาหาร หรือไปเที่ยวที่ไหนในยุโรป จะมีคนเข้ามาหาผม และสิ่งแรกที่พวกเขาจะพูดถึงก็คือ เกมที่อิสตันบูล มันเป็นสิ่งพิเศษเสมอ เพราะแนวทางที่พวกเราคว้าแชมป์ มันส่งผลต่อแฟนบอลของลิเวอร์พูลทุกคน เกมนั้นมันถูกจดจำไปทั่วโลก”