ข่าวบอล
เบิร์นลีย์ เป็นทีมล่าสุดที่กำลังให้ความสนใจในการคว้าตัว โจชัว คิง กองหน้าทีมชาตินอร์เวย์ของ บอร์นมัธ ในตลาดนักเตะในเดือนมกราคมนี้
กองหน้าวัย 29 ปี กำลังหมดสัญญากับทีมในเดอะ แชมเปี้ยน ชิพ หลังจบฤดูกาลนี้ โดยที่เจ้าตัวมีผลงาน 52 ประตู ตลอดการลงสนาม 182 เกมให้กับ บอร์นมัธ ซึ่งทำให้เขาเป็นนักเตะที่ทำประตูให้กับทีมมากที่สุด ถ้ารับรวมเฉพาะในฟุตบอลพรีเมียร์ลีก
โดยนอกเหนือจาก เบิร์นลีย์ แล้วทีมในศึกพรีเมียร์ลีก อย่าง เวสต์แฮม ยูไนเต็ด และ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน ก็กำลังให้ความสนใจในตัวของ คิง ซึ่งถ้าย้อนกลับไปเมื่อซัมเมอร์ของปี 2019 บอร์นมัธ เคยปฎิเสธข้อเสนอ 20 ล้านปอนด์ จากทีมอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาแล้ว เพื่อให้ โจชัว คิง อยู่กับทีมต่อไป
อย่างไรก็ตาม สื่ออย่าง Sky Sports คาดว่า บอร์นมัธ จะเก้บตัว คิง เอาไว้กับทีมต่อไปจนจบฤดูกาลนี้ เนื่องจากพวกเขากำลังลุ้นเลื่อนชั้นกลับขึ้นสู่ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก หลังเพิ่งตกชั้นไปเมื่อฤดูกาล 2019-2020 ที่ผ่านมานั่นเอง
ข่าวบอล
ถึงเวลานี้ทีมที่ดูจะมีปัญหามาเป็นลำดับต้น ๆ กลายเป็นขุนพล “สิงโตน้ำเงินคราม” ภายใต้การนำทัพของ เมาริซิโอ ซาร์รี่ เจ้านายใหญ่ชาวอิตาเลียน หลังเกมพรีเมียร์ลีกเมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา ลูกทีมของเขาพ่ายให้กับ บอร์นมัธ แบบหมดสภาพ 4-0 โดยหลังจบเกมมีรายงานว่า ซาร์รี่ ได้สั่งให้ทีมงานของเขาทุกคนออกจากห้องพักไป โดยเขาจะพูดคุยกับนักเตะเป็นการส่วนตัว ใช้เวลาร่วมชั่วโมงเจ้าตัวจึงค่อยออกมาให้สัมภาษณ์หลังเกม
แถมเพิ่งมีคลิปหลุดออกมาว่าแฟนบอลเชลซีที่ยังคงรออยู่ด้านนอกเพื่อต่อว่า ซาร์รี่ เมื่อเห็นกุนซือรายนี้เดินออกจากสนามก็ต่างเข้าไปขอคำอธิบายกับสิ่งที่เกิดขึ้น มีบางถ้อยคำถึงกับบอกว่าให้เขาลาออกจากตำแหน่งไปเลยด้วยซ้ำ ซึ่ง ซาร์รี่ เองถือว่าเข้าใจอารมณ์ของแฟนบอลดี เขาได้แต่พูดคำว่าขอโทษกับแฟนบอลรายนั้น จะว่าไปเกมที่แพ้เละเทะเกมนี้หากเป็นตอนครึ่งแรกที่ เชลซี ฟอร์มดีกว่า คงไม่มีใครคาดคิดแน่ ๆ ว่าสกอร์ในครึ่งหลังจะโดนทะลวงตาข่ายไปถึง 4 ลูก ส่วนหนึ่งต้องบอกว่าความผิดพลาดของแนวรับมีส่วนมาก แถมกำลังใจในทีมยังกลายเป็นเครื่องหมายคำถามว่าตอนแรก ๆ ที่ทำผลงานได้ร้อนแรงมันหายไปไหนหมด
การที่ เอเด็น อาซาร์ มีข่าวว่าจะย้ายออกจากทีม มันสร้างผลกระทบใหญ่หลวงได้ถึงขนาดฟอร์มการเล่นหลุดแบบนี้ได้จริงหรือ เป็นอีกคำถามที่แฟนบอลจำนวนมากต่างก็คิดเหมือน ๆ กัน สำหรับกุนซือสิงห์อมควันรายนี้จัดได้ว่าเป็นหนึ่งในผู้จัดการทีมจอมปรัชญา เขาไม่มีทางให้ใครหน้าไหนก็ตามมาทำลายสิ่งที่เขามองเห็นและสร้างเอาไว้แน่ ๆ แต่ประเด็นกับ เชลซี มันต่างกัน เพราะก่อนหน้านี้เขาเคยคุมทีมที่ไม่ได้หวังผลถึงแชมป์มากนัก ทว่าเมื่อย้ายมากุมบังเหียนถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ เป้าหมายเดียวที่ โรมัน อบราโมวิช ต้องการคือแชมป์พรีเมียร์ลีก คิดดูแล้วกันว่าขนาดกุนซือคนเก่าอย่าง อันโตนิโอ คอนเต้ ที่ว่าแน่ ๆ ได้ทั้งแชมป์พรีเมียร์ลีกตั้งแต่ซีซั่นแรกและแชมป์เอฟเอ คัพ ในซีซั่นต่อมา ยังโดนปลดแบบไม่แคร์โลก แล้วถ้า ซาร์รี่ ทำผลงานไม่ได้แม้กระทั่งติดท็อปโฟร์ก็ยังทำไม่ได้ คิดว่าจะเกิดอะไรขึ้น
กอนซาโล่ อิกัวอิน ที่อุตส่าห์ยืมตัวมาเพื่อหวังให้ระเบิดฟอร์มแทน อัลบาโร่ โมราต้า ก็ยังต้องใช้เวลาในการปรับตัวกับลีกผู้ดีที่ไม่เหมือนกัลโช่ ซีเรีย อา แบบที่เขาเคยเล่น นับเป็นช่วงเวลาย่ำแย่ของกุนซืออิตาเลียนรายนี้ขนานแท้และต้องรอดูว่าบทสรุปสุดท้ายจะออกมาแบบไหนกันแน่